เอริก ดราเว่น และ เชลลี่ เว็บสเตอร์ ถูกฆาตกรรมอย่างโหดเหี้ยม เมื่อได้โอกาสที่จะช่วยรักแท้ของเขา เอริก จึงได้เสียสละตัวเองเพื่อตามล้างแค้น โดยเขาได้เดินทางผ่านทั้งโลกของคนเป็นและคนตายเพื่อจะแก้ไขถูกอย่างให้ถูกต้อง
“The Crow (2024): อีกาพญายม” เป็นการนำภาพยนตร์คลาสสิกที่สร้างชื่อในยุค 90 กลับมาสร้างใหม่ ซึ่งอิงจากการ์ตูนคอมิกชื่อเดียวกันของ James O’Barr ภาพยนตร์แนวแอ็กชัน-ดราม่า-แฟนตาซีเรื่องนี้มุ่งเน้นที่เรื่องราวของการแก้แค้นและการคืนชีพ โดยเต็มไปด้วยความมืดมน ความโหดร้าย และความรักที่ไม่มีวันตาย
“The Crow” ติดตามเรื่องราวของ เอริค เดรเวน (Eric Draven) ชายหนุ่มนักดนตรีที่ถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยมพร้อมกับคู่หมั้นของเขา ในคืนก่อนวันแต่งงานของพวกเขา โดยกลุ่มอาชญากรที่ทำร้ายพวกเขาอย่างไร้ความปราณี แต่แล้วหนึ่งปีต่อมา เอริคกลับฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้งด้วยพลังลึกลับจาก อีกาดำ ซึ่งเป็นตัวแทนของความยุติธรรมในโลกหลังความตาย
เอริคได้รับพลังที่ไม่ธรรมดา และตระหนักว่าเขาถูกฟื้นขึ้นมาเพื่อแก้แค้นให้กับการตายของตัวเองและคู่หมั้น เขาเริ่มตามล่าฆาตกรทีละคน ด้วยความช่วยเหลือจากอีกาและพลังอันลี้ลับที่ทำให้เขาแทบจะเป็นอมตะ ขณะที่เขาเดินหน้าสู่การล้างแค้น ความทรงจำและความเจ็บปวดจากการสูญเสียคนรักก็ยังคงตามหลอกหลอนเขาอยู่ตลอดเวลา
แม้ว่าภาพยนตร์จะเน้นไปที่การล้างแค้น แต่ “The Crow” ยังสำรวจประเด็นทางอารมณ์ที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับความรักที่ไม่มีวันตายและความเศร้าที่ไม่สามารถเยียวยาได้ ความพยายามของเอริคในการแก้แค้นไม่ได้เป็นเพียงการคืนความยุติธรรม แต่ยังเป็นการหาวิธีที่จะเผชิญกับความเจ็บปวดและความรู้สึกสูญเสีย
ในขณะเดียวกัน ศัตรูของเอริคเริ่มรับรู้ถึงพลังลึกลับของเขาและพยายามหาวิธีที่จะหยุดยั้งเขา การเผชิญหน้าสุดท้ายระหว่างเอริคกับผู้ที่ทำลายชีวิตของเขาและคู่หมั้นกลายเป็นการต่อสู้ที่น่าจดจำ ทั้งในด้านการกระทำที่รุนแรงและการตัดสินใจที่สะเทือนใจ
“The Crow (2024)” นำเสนอการผสมผสานระหว่างแอ็กชัน การแก้แค้น และอารมณ์ที่หนักหน่วง โดยเนื้อเรื่องยังคงความเป็นเอกลักษณ์และบรรยากาศที่มืดมน เศร้าสร้อย เช่นเดียวกับในฉบับดั้งเดิม ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่เพียงแค่ดึงดูดผู้ที่ชื่นชอบฉากแอ็กชันที่ดุเดือด แต่ยังมอบเรื่องราวที่สะท้อนถึงความรัก ความสูญเสีย และความเจ็บปวดที่ลึกซึ้ง